Mitr Phol Group Sustainability

Edit Template

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก : ผู้ถือหุ้น / ชุมชน / ลูกค้าและผู้บริโภค / หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม

บริษัทเชื่อในการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันจะนำพาทั้งธุรกิจและสังคมเติบโตไปด้วยกัน ภายใต้แนวคิดในการดำเนินธุรกิจ ‘ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ’ ดังนั้นการสนับสนุนและร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมโดยรอบให้มีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในด้านเศรษฐกิจ สุขภาพกายและใจ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความรู้ให้กับคนในชุมชนโดยรอบจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ มิตรผลจึงได้จัดตั้งหน่วยงานชุมชนสัมพันธ์และหน่วยงานบริหารการศึกษาในการเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาสังคมและชุมชนของบริษัท โดยในทุกพื้นที่โรงงานจะมีหน่วยงานชุมชนสัมพันธ์ ในขณะที่หน่วยงานบริหารการศึกษาจะดำเนินงานประจำอยู่ที่ส่วนกลาง ซึ่งจะมีการลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอเพื่อปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่โรงงานควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยความมุ่งหวังที่จะยกระดับการศึกษาและคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ตลอดจนสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศทางอ้อม ผ่านการพัฒนาทักษะคนรุ่นใหม่ให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และให้มีทักษะสอดคล้องตามมาตรฐานสากลอันเป็นการส่งเสริมให้ค่าตอบแทนของผู้ที่มีทักษะเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะตามที่ต้องการเพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ควบคู่ไปกับการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมอย่างยั่งยืน

การขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชน 

ด้วยเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและเกษตรกรให้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน มิตรผลจึงได้มีการลงพื้นที่ศึกษาบริบทชุมชน รูปแบบการดำเนินชีวิต ทุน และศักยภาพของชุมชนที่มีอยู่เดิม เพื่อนำมาวางแผนการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนและองค์กร

เป้าหมายและผลการดำเนินงานปี 2567

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
ชุมชนเป้าหมายสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือน (ด้านค่าอาหาร)
ร้อยละ 5
ร้อยละ 5
ชุมชนสามารถเพิ่มรายรับภาคเกษตรของครัวเรือน
ร้อยละ 5
ร้อยละ 5
การพัฒนาธุรกิจชุมชนเชื่อมโยงกับบริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด
20 ธุรกิจ
32 ธุรกิจ
สร้างตำบลต้นแบบ
14 ตำบล
15 ตำบล

กรอบการดำเนินงาน

เป้าหมาย
พื้นที่เป้าหมาย
มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข สามารถเลี้ยงตนเองได้ และอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
ชุมชนในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ เลย ร้อยเอ็ด และอำนาจเจริญ ครอบคลุม 23 ตำบล 320 หมู่บ้าน รวม 60,053 ครอบครัว
กรอบการดำเนินงาน
การจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน
  • เน้นการเปิดโอกาสให้รับผิดชอบร่วมกัน ตั้งแต่ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน และปฏิบัติ
  • การพัฒนาต่อยอดจากทุนและศักยภาพชุมชนที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ ผ่านการขับเคลื่อนของคณะกรรม การตำบลมิตรผลร่วมพัฒนา ที่ทำหน้าที่เชื่อมประสานแผนพัฒนาตำบลกับหน่วยงาน/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
  • การแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาและร่วมจัดทำแผนพัฒนาตำบล
  • การพัฒนาระบบเกษตรชุมชนและอาหารปลอดภัย
  • การส่งเสริมให้ชุมชนสร้างฐานอาหารของตนเองเพื่อให้ชุมชนได้บริโภคอาหารปลอดภัย ด้วยการแบ่งพื้นที่ทำเกษตรผสมผสาน ปศุสัตว์ และประมง
  • การเสริมองค์ความรู้การทำเกษตรต่างๆ โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนพึ่งพาตนเองลดการพึ่งพาจากภายนอก นำไปสู่การลดรายจ่ายด้านอาหารของครัวเรือนในระยะยาว
  • การพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน
  • การพัฒนาต่อยอดสินค้าชุมชน ได้แก่ สินค้าหัตถกรรม อาหารแปรรูป และผลผลิตอาหารปลอดภัยต่างๆ บนพื้นฐานของศักยภาพ ความสามารถและทรัพยากรที่ชุมชนมีอยู่
  • การพัฒนาองค์ความรู้การเกษตรควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IOT ให้กับเกษตรกร จนสามารถพัฒนากระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน PGS ปลูกเพาะสุข และ GAP รวมถึงพัฒนาความรู้ทางการตลาด
  • ผลการดำเนินงาน

    เพื่อสนับสนุนการปลูกผักอย่างปลอดภัยและการบริหารจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพแก่ชุมชนและเกษตรกรชาวไร่อ้อย ฝ่ายพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนจึงได้จัดตั้งธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ชื่อ “บริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด” โดยมีหน้าที่สำคัญ คือ

    เป็นตัวกลาง

    ระหว่าง "คู่ค้า" และ "เกษตรกร"

    เป็นที่ปรึกษาให้กับเกษตรกร

    ตั้งแต่การเพาะปลูก การวางแผนการตลาด การกำหนดราคา เพื่อให้เกษตรกรขายสินค้าได้ในราคาที่ดีที่สุด

    จัดหาช่องทางการจำหน่ายสินค้า

    ให้กับเกษตรกร

    กระบวนการดำเนินงานของบริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด

    ตัวอย่างการดำเนินงานตามภารกิจของบริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด ในปี พ.ศ.2567 ได้แก่ การส่งเสริมผลผลิตผักของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อจำหน่าย อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ส่งตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น หนึ่งในโรงแรมชั้นนำของจังหวัดขอนแก่น โดยผลผลิตดังกล่าวได้รับการส่งเสริมการปลูกตามหลักเกษตรอินทรีย์ทฤษฎีใหม่ และผ่านการรับรองมาตรฐานผักปลอดภัย (GAP) ซึ่งช่วยผลักดันให้ชุมชนสามารถสร้างผลผลิตพร้อมที่จะรองรับตลาดที่ต้องการสินค้าคุณภาพสูงและพร้อมจ่ายในราคาในสูงขึ้น เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน

    นอกจากบริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด จะให้การสนับสนุนเกษตรกรผ่านการให้ความรู้และการวางรากฐานด้านการตลาดแล้ว บริษัทยังส่งเสริมการจ้างงานผู้พิการในชุมชนให้มีส่วนร่วมเป็นผู้ช่วยฝ่ายพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนจำนวน 50 คน ในปี พ.ศ.2567 เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างชุมชน และโรงงานในการพัฒนาชุมชนวิถีสู่ความยั่งยืนร่วมกัน ซึ่งครอบคลุมการทำความเข้าใจความต้องการของชุมชนรอบโรงงานโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างความเท่าเทียมในสังคม และการพัฒนาในวิถีการสร้างอาชีพแก่คนในสังคมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ในการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

    ปี พ.ศ.2567 บริษัท ปลูกเพาะสุข จำกัด มีรายได้หมุนเวียนรวมกว่า 1,867,159.80 บาท
    สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเป็นต้นแบบการสร้างความมั่นคงทางอาหาร การเปิดโอกาสในการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

    ด้านการจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน

    การขับเคลื่อนการจัดการชุมชนอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสังคม ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความร่วมมืออันเข้มแข็ง โดยมิตรผลได้มีการใช้ “กลไกแบบพหุภาคี” ซึ่งเป็นรูปแบบของการประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการและพัฒนาทั้งสิ่งแวดล้อมโดยรอบของชุมชน ควบคู่ไปกับยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม ด้วยเหตุนี้มิตรผลจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการตำบลมิตรผลร่วมพัฒนา ซึ่งประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อบต. หรือ เทศบาล) ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตัวแทนกลุ่มอาชีพและตัวแทนครัวเรือนอาสา โดยมีเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ซึ่งเป็นบุคลากรมิตรผลเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงาน ซึ่งคณะกรรมการนี้มีบทบาทและหน้าที่ในการร่างแผนพัฒนาตำบลที่สอดคล้องและสนับสนุนกับแผนงานของภาครัฐ อีกทั้งเชื่อมประสานแผนพัฒนาตำบลกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีการติดตาม กำกับดูแลงาน และแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ อีกทั้งยังร่วมผลักดันโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายหรือความคาดหวังที่ตั้งไว้

    การมีส่วนร่วมนี้ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของแต่ยังเสริมสร้างความรับผิดชอบร่วมกันในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตำบลมิตรผลร่วมพัฒนาเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ให้กับชุมชน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการทำการเกษตรแบบผสมผสาน เช่น การเพาะกล้าพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง การเลี้ยงหมูหลุม เป็นต้น

    ครัวเรือนอาสาเข้าร่วมโครงการ

    จำนวน

    ครัวเรือน
    1000

    คณะกรรมการตำบลมิตรผลร่วมพัฒนา

    จำนวน

    คน
    500

    ศูนย์เรียนรู้ตำบลมิตรผลร่วมพัฒนา

    จำนวน

    แห่ง
    100

    ดำเนินโครงการชุมชนเข้มแข็ง
    ด้วยแรงผู้พิการ

    มิตรผลมีการจ้างงานผู้พิการทั้งสิ้น

    คน
    200

    โดยปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน จำนวน 50 คน และร่วมทำงานกับองค์การบริหารส่วนตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียนในชุมชน และศูนย์เรียนรู้ตำบลมิตรผล

    จัดตั้งชมรมคนพิการจำนวน

    ชมรม
    50

    เพื่อเป็นการร่วมกันพัฒนากระบวนการรวมกลุ่ม ทักษะความรู้และจัดสวัสดิการให้กับผู้พิการภายในชุมชนร่วมกับประสานงานกับหน่วยงานภาคี ในการร่วมพัฒนาผู้พิการ

    ด้านการพัฒนาระบบเกษตรและอาหารปลอดภัย 

    เกิดกลุ่มปลูกผัก

    จำนวน

    กลุ่ม
    100

    มีสมาชิกผู้ปลูกผักปลอดภัย

    จำนวน

    คน
    500

    มีรายได้หมุนเวียนจากการปลูกผักปลอดภัย

    รวมทั้งหมด

    บาท
    800000

    ด้านระบบเศรษฐกิจชุมชน

    เกิดกลุ่มอาชีพ

    จำนวน

    กลุ่ม
    100

    สมาชิกกลุ่มอาชีพที่เข้าร่วมกิจกรรม

    จำนวน

    คน
    2000000

    มีรายได้หมุนเวียนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน

    รวม

    บาท
    1001069

    การขับเคลื่อนงานชุมชนสัมพันธ์

    การขับเคลื่อนงานชุมชนสัมพันธ์ของมิตรผลนั้นจะดำเนินงานไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนโดยรอบ ควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจของชุมชนว่าบริษัทจะดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อชุมชนโดยรอบเป็นสำคัญ ปัจจุบันดำเนินโครงการในพื้นที่ 9 จังหวัด
    ได้แก่ สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ เลย ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ

    กรอบการดำเนินงาน

    เป้าหมาย
    พื้นที่เป้าหมาย
    สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยรอบและสร้างความไว้วางใจระหว่างบริษัทกับชุมชน
    ชุมชนในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ เลย ร้อยเอ็ด ยโสธรและอำนาจเจริญ
    กรอบการดำเนินงาน
    การรับฟังและเข้าใจความต้องการของชุมชน
    มิตรผลมีการสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของชุมชนโดยรอบเพื่อให้สามารถระบุโครงการที่เหมาะสมและตอบโจทย์ได้จริง
    การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
    มิตรผลจะทำงานร่วมกับชุมชน องค์กรท้องถิ่น ภาครัฐ และภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
    การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
    โครงการที่ดำเนินการจะต้องสอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
    การติดตามและประเมินผล
    มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการที่ดำเนินการไปนั้นมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการได้จริง
    การสื่อสารและรายงานผล
    มิตรผลจะมีการสื่อสารและรายงานผลการดำเนินงานชุมชนสัมพันธ์ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง

    ผลการดำเนินงาน  

    กิจกรรม
    การดำเนินงาน
    การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทและชุมชน
  • การสื่อสารและการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ชุมชนมีความเข้าใจและสนับสนุนกิจกรรมของบริษัทผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดเสวนา การให้หน่วยงานภายนอกเข้าเยี่ยมชมโรงงาน โดยมีชุมชนเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 รับทราบและเข้าใจกระบวนการทำงานของโรงงาน
  • เข้าถึงชุมชนรอบโรงงานผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การสำรวจชุมชน กิจกรรมตรวจสอบและประเมินข้อร้องเรียน กิจกรรมเยี่ยมจุดตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม กิจกรรมไตรภาคีและกิจกรรมเครือข่ายเพื่อนบ้านมิตรผล โดยมีชุมชนเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 มีส่วนร่วมกับการรับรู้การจัดการของโรงงาน
  • การพัฒนาโครงการเพื่อสังคม
    พัฒนาชุมชนรอบโรงงาน ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพชุมชน โครงการด้านสร้างเศรษฐกิจชุมชน โครงการด้านส่งเสริมกีฬาและสุขภาวะที่ดี โครงการด้านอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีชุมชนเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 มีส่วนร่วมในการพัฒนาและสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกัน
    การสนับสนุนการทำงานภายใต้แนวคิด MIND: ปรับอุตสาหกรรมเข้าสู่วิถีใหม่ ของกระทรวงอุตสาหกรรม
  • การเยี่ยมจุดตรวจวัดสิ่งแวดล้อม ปีละ 2 ครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนถึงกระบวนการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมของโรงงาน
  • การจัดกิจกรรมสานเสวนาชุมชน เพื่อแจ้งข่าวสารและการดำเนินงานผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของโรงงาน ติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อม และรับรู้ความต้องการ ความกังวลใจของชุมชน ปีละ 2 ครั้ง
  • จัดทำโครงการขยะชุมชน ที่โรงเรียนโคกสะอาดวิทยา เดือนละ 1 ครั้ง
  • จัดกิจกรรมเฝ้าระวัง สุ่มตรวจ และป้องกันอุบัติเหตุตลอดช่วงฤดูหีบอ้อย
  • จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ผ่านโครงการตรวจสุขภาพชุมชน ปีละ 1 ครั้ง
  • สนับสนุนกิจกรรมภายใต้โครงการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) ในพื้นที่
  • อุทยานมิตรผลด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
  • อุทยานมิตรภูเขียว จ.ชัยภูมิ
  • มีส่วนร่วมในกระบวนการในการจัดทำแผนปฏิบัติการการ พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566- พ.ศ.2570) ซึ่งเป็นการขอความคิดเห็นทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเพื่อให้ได้แผนปฏิบัติการที่มีคุณภาพ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของอุทยานมิตรผลด่านช้าง ได้แก่
    • โครงการเปลี่ยนระบบบำบัดน้ำเสียแบบผึ่งเป็นแบบ Activated sludge
    • โครงการติดตั้ง Floating solar
    • โครงการเปลี่ยนเชื้อเพลิงรถโฟร์คลิฟท์จากดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้า
    ส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ของอุทยานมิตรภูเขียว ได้แก่
    • การตรวจสุขภาพชุมชนประจำปี
    • โครงการสานเสวนาชุมชน (เยี่ยมบ้านสานสัมพันธ์ชุมชนรอบโรงงาน)
    • โครงการมิตรอาสา (สร้างถิ่นให้น่าอยู่)
    • โครงการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น
    • โครงการเยี่ยมชมการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมชุมชน
    • โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาบ้านภูดิน (มิตรผลอุปถัมภ์)
    รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 

    การขับเคลื่อนงานบริหารการศึกษา 

    ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของมิตรผลที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา จากความเชื่อที่ว่า

    “หากบุคคลากรของประเทศมีการศึกษาที่ดี มีคุณธรรม มีจรรยาบรรณ เคารพสิทธิ
    ประเทศนั้น จะมีความสงบมีความเจริญรุ่งเรือง เพราะความรู้จะทำให้ประเทศเจริญเติบโต เจริญก้าวหน้าได้”

    ทำให้นอกจากการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่บุตรหลานพนักงานและเกษตรกรแล้ว มิตรผลยังมีเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาไทยทั้งในด้านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ การส่งเสริมทักษะอาชีพ ร่วมไปถึงการสนับสนุนทรัพยากรในการพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ด้วยความมุ่งหวังในการพัฒนาการศึกษาและองค์ความรู้ เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศทางการเรียนรู้ หรือ ‘Learning Ecosystem’    ซึ่งเป็นการวางรากฐานอนาคตให้แก่เยาวชนไทยอย่างยั่งยืน

    กรอบการดำเนินงาน

    เป้าหมาย
    ยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่รอบโรงงานตามบริบทท้องถิ่น
  • สร้างต้นแบบโรงเรียนคุณภาพของชุมชน
  • สถานศึกษาอาชีวศึกษาชั้นนำด้านเกษตรอุตสาหกรรม ระดับอาเซียน
  • แนวทางการดำเนินงาน
    การสร้างระบบนิเวศทางการเรียนรู้
  • ปรับสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ ทั้งในและนอกห้องเรียน
  • สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่จำเป็น ทั้ง Hardware Software และ Digital Literacy
  • การพัฒนาด้านทักษะวิชาการ
  • อบรมพัฒนาครูให้มีทักษะการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ
  • การพัฒนาด้านทักษะอาชีพ/สมรรถนะ
  • สนับสนุนกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพตามบริบทท้องถิ่นแก่นักเรียน
  • สร้างสมรรถนะวิชาชีพแก่นักศึกษาระดับอาชีวศึกษาตามมาตรฐานสากล โดยร่วมกับองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
  • การพัฒนาด้านทักษะชีวิต
  • สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน
  • สนับสนุนกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อสร้างคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน
  • ผลการดำเนินงาน

    เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายการบริหารการศึกษาที่ตั้งไว้ บริษัทจึงได้พัฒนาการบริหารการศึกษาภายใต้โครงการสานอนาคตการศึกษา (CONNEXT ED) และโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) โดยมีรายละเอียดผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้

    โครงการสานอนาคตการศึกษา (CONNEXT ED)

    เป้าหมาย
    สร้างต้นแบบโรงเรียนคุณภาพของชุมชน

    ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 มิตรผลได้เป็นส่วนหนึ่งใน 12 องค์กรผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED ด้วยเจตจำนงในการที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาและร่วมสร้างพื้นฐานของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีโรงรียนที่เข้าร่วมในโครงการทั้งสิ้น 20 แห่ง จาก 8 จังหวัดทั้งในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project)

    เป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างต้นแบบด้านนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษารูปแบบใหม่ และยกระดับวิทยาลัยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรมชั้นสูงขอนแก่น ให้เป็นสถานศึกษาอาชีวศึกษาชั้นนำด้านเกษตรอุตสาหกรรมระดับอาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ 8 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียน 7 แห่ง และวิทยาลัยอาชีวศึกษาอีก 1 แห่ง จาก 6 จังหวัด ทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคใต้ โดยโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ (Learning Ecosystem)

    มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้

    ด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 

    ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู

    ให้มีทักษะการสอนที่จำเป็นสำหรับจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) การคิดสร้างสรรค์ (Creativity) การทำงานเป็นทีม (Collaboration) การสื่อสารและนำเสนอเป็น (Communication) ทักษะแห่งอนาคต ได้แก่ ภาษาอังกฤษ และทักษะด้านเทคโนโลยี 

    พัฒนาด้านทักษะอาชีพ

    ที่เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ เพื่อให้นักเรียนได้รับการวางรากฐานทักษะอาชีพที่ดีสำหรับอนาคต  

    ปรับสภาพแวดล้อมในห้องเรียนและสร้างแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียน

    เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพภายใต้บริบทของแต่ละพื้นที่ 

    ส่งเสริมให้สถานศึกษาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชุมชน

    โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างโรงเรียนและชุมชน 

    การพัฒนาวิทยาลัยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรมชั้นสูงขอนแก่น

    เป้าหมาย
    พัฒนาวิทยาลัยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรมชั้นสูงขอนแก่น ให้เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาชั้นนำด้านเกษตรอุตสาหกรรมระดับอาเซียน

    มิตรผลได้ร่วมพัฒนาวิทยาลัยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรมชั้นสูงขอนแก่น โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาวิทยาลัยฯ ให้เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาชั้นนำระดับสากล สร้างกำลังคนอาชีวศึกษาด้านเกษตรอุตสาหกรรมที่มีสมรรถนะสูงและมีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ

    มูลนิธิ ไฉ่ ฟ้า ว่องกุศลกิจ

    มูลนิธิ ไฉ่ ฟ้า ว่องกุศลกิจ ก่อตั้งขึ้นโดยครอบครัวว่องกุศลกิจ เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2555 เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณพ่อไฉ่และคุณแม่ฟ้า ซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่ของครอบครัวผู้บริหารกลุ่มมิตรผล โดยวัตถุประสงค์หลักในการก่อตั้งมูลนิธิคือเพื่อช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่รอบโรงงานของมิตรผล ใน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา รวมถึง ด้านการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ที่โรงงานตั้งอยู่

    ในปี พ.ศ.2567 มูลนิธิได้ให้การสนับสนุนโครงการรวมทั้งสิ้น 45 โครงการ ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ราชบุรี อำนาจเจริญ ยโสธร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ เลย ตาก สิงห์บุรี และสุพรรณบุรี โดยใช้งบประมาณสนับสนุนรวม 8,420,735 บาท

    การดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เสริมสร้างการศึกษาและองค์ความรู้ให้เหมาะสมแก่คนในชุมชนแต่ละช่วงวัย
    จะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อในหลักการ “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ธุรกิจและสังคมต้องก้าวไปได้ไกลร่วมกัน
    Mitr Phol Group Sustainability
    Privacy Overview

    This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.