Mitr Phol Group Sustainability

Edit Template

ผู้มีส่วนได้เสียหลัก : ผู้ถือหุ้น / เกษตรกร / ลูกค้าและผู้บริโภค / ภาครัฐและองค์กรภาคประชาสังคม

มิตรผลดำเนินธุรกิจในภาคเกษตรอุตสาหกรรม จึงต้องพึ่งพิงผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อ้อย” ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักของธุรกิจ ดังนั้นการบริหารจัดการไร่อ้อยและบริหารจัดการน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพื่อให้บริษัทมีผลผลิตที่เพียงพอ ควบคู่กับการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน ดังหลักการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ว่า “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ด้วยเหตุนี้ มิตรผลจึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการ “มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol ModernFarm)” ขึ้น เพื่อส่งเสริมการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีต้นทุนที่ต่ำลง ควบคู่กับการลดผลกระทบทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาส การเข้าถึงแหล่งทุน องค์ความรู้ พันธุ์อ้อย และเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม รวมไปถึงรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ดิน แหล่งน้ำ และส่งเสริมความรู้และทักษะบุคลากรให้สามารถดำเนินงานในการบริหารจัดการไร่ได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุด

เป้าหมายและผลการดำเนินงานของปี 2567

เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
การได้รับรองมาตรฐานการผลิตอ้อยอย่างยั่งยืน
เป้าหมายระยะสั้น:
300,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ. 2566/67
พ.ศ. 2566/67
เกิดขึ้นจริง 296,630 ไร่
เป้าหมายระยะยาว:
600,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ.2573
การส่งเสริมการปลูกอ้อยตามหลักมิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม
เป้าหมายระยะสั้น:
664,200 ไร่ ภายในปี พ.ศ.2566/67
พ.ศ. 2566/67
เกิดขึ้นจริง 637,367 ไร่
พัฒนาพื้นที่ชลประทานในพื้นที่ส่งเสริมปลูกอ้อย
พื้นที่ชลประทานสะสม
เป้าหมายระยะสั้น:
1,125,600 ไร่ ภายในปี พ.ศ. 2567
บรรลุตามเป้าหมาย
ร้อยละ 100

แนวทางการบริหารจัดการ

มิตรผลมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนการทำไร่อ้อยตามหลักมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ และส่งเสริมการพัฒนาทักษะความรู้ของบุคลากรมิตรผลและคู่ค้าชาวไร่อ้อยผ่านมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม อะคาเดมี่ นอกจากนี้ บริษัทยังผลักดันให้ชาวไร่อ้อยเข้าร่วมการรับรองมาตรฐาน Bonsucro และ VIVE ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความยั่งยืนในระดับสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตอ้อยและน้ำตาลของบริษัทจะมีความโปร่งใสและยั่งยืนในทุกขั้นตอน

ส่งเสริมให้ชาวไร่ดำเนินงานตามหลักมิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol ModernFarm)

จากแนวความคิดพื้นฐาน “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ของกลุ่มมิตรผลในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้มิตรผลได้จัดตั้งโครงการ “มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol ModernFarm)” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชาวไร่อ้อย อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทย ด้วยการบูรณาการแนวคิดการบริหารจัดการไร่อ้อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพชีวิต ชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทางในการดำเนินงานผ่าน 4 เสาหลัก และระบบชลประทาน หรือ “หลักสี่เสาพลัส” ดังนี้

  • ปลูกถั่วในช่วงพักดิน (Legume Rotation Crops) การปลูกอ้อยอย่างต่อเนื่องโดยไม่พักดินจะทำให้เกิดการสะสมโรคแมลงศัตรูอ้อย จึงควรพักดินและปลูกพืชชนิดอื่นโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว เนื่องจากพืชตระกูลถั่ว มีแบคทีเรียไรโซเบียมในปมรากถั่วที่สามารถดึงไนโตรเจนในอากาศลงมาเป็นปุ๋ยในดินให้กับอ้อยในอนาคตได้ จึงเป็นการปรับปรุงและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินด้วยวิธีธรรมชาติ ช่วยตัดวงจรของโรคและแมลงศัตรูพืช อีกทั้งยังเป็นการลดใช้สารเคมีและสร้างรายได้เสริมจากการจำหน่ายผลผลิตอีกทางหนึ่งได้
  • ควบคุมแนวล้อวิ่ง (Controlled Traffic) การสร้างแนวเบดฟอร์ม (Bed Form) ด้วยเครื่องมือยกร่องปลูกอ้อย เพื่อให้เอื้อต่อการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาใช้ในทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การเตรียมดิน การปลูก การบำรุงรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว โดยกำหนดระยะห่างระหว่างร่อง และยกร่องให้มีลักษณะเป็นสันจากระดับการวิ่งของรถ จะทำให้เครื่องจักรกลการเกษตรในทุกกิจกรรมสามารถวิ่งตามแนวร่องที่กำหนดไว้ และไม่เหยียบย่ำไปบนเบดฟอร์ม ช่วยลดการบดอัดของชั้นดิน และลดความเสียหายจากการเก็บเกี่ยว รวมทั้งยืดอายุการไว้ตออ้อยได้อีกด้วย
  • ลดการไถพรวน (Minimum Tillage) การทำไร่อ้อยแบบเดิมนั้น ชาวไร่ต้องไถพรวนดินทั้งแปลงก่อนปลูกอ้อยใหม่ แต่แนวทางของมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม จะทำการไถพรวนเฉพาะเบดฟอร์มที่ยกขึ้นมาเท่านั้น จึงช่วยรักษาโครงสร้างดินและลดพื้นที่เตรียมดินลงประมาณครึ่งหนึ่ง ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ลดเวลาในการเตรียมดินก่อนปลูกอ้อย และสามารถปลูกอ้อยใหม่ได้ทันกับความชื้นในดินที่ลดลง
  • ตัดอ้อยสดไว้ใบคลุมดิน (Trash Blanket) การตัดอ้อยสดและไว้ใบอ้อยคลุมดินจะช่วยรักษาความชื้นในดินไว้ และช่วยควบคุมวัชพืชไปในตัว จึงลดปริมาณการใช้สารกำจัดวัชพืชลงได้โดยปริยาย และยังช่วยให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากใบอ้อยจะสลายกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้กับอ้อยรุ่นต่อไป นอกจากนี้การไม่เผาใบอ้อยยังเป็นการช่วยรักษาหน้าดินและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินเอาไว้ได้
  • ระบบน้ำหรือชลประทานในไร่ (Irrigation) โดยปกติอ้อยต้องการน้ำ ประมาณ 1,500-1,700 มิลลิเมตรต่อปี แต่สภาพภูมิอากาศในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทำให้ปริมาณฝนไม่เพียงพอ และยังกระจายตัวไม่สม่ำเสมอทำให้อ้อยกระทบแล้งแทบทุกปี เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ผลผลิตอ้อยลดลง ดังนั้นการเตรียมเรื่องชลประทานที่เหมาะสม จะช่วยทำให้การจัดการน้ำและการปลูกอ้อยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  

นอกจากนี้การลดการใช้สารเคมีในไร่อ้อยยังเป็นภารกิจที่มิตรผลให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีโครงการวิเคราะห์ดินเคลื่อนที่ให้แก่เกษตรกร เพื่อให้ปุ๋ยตามความต้องการและเหมาะสมต่ออ้อย รวมถึงไม่ให้พืชได้รับสารเคมีเกินความจำเป็นและไม่ทำลายสมดุลของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน นอกจากนี้บริษัทมีการทำเกษตรด้วยชีววิธีโดยการขยายและปลดปล่อยศัตรูธรรมชาติ (Natural Enemies) สู่แปลงปลูกเพื่อควบคุมศัตรูพืชแทนการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในพื้นที่ทางการเกษตร

ส่งเสริมให้ชาวไร่ดำเนินงานตามหลักของ มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol ModernFarm) 

กลุ่มมิตรผลมีการส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อย ปลูกอ้อยตามหลัก "มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม"

ในทุกพื้นที่โรงงาน ซึ่งมีการส่งเสริมแก่ชาวไร่กลุ่มที่มีรถตัดอ้อยของโรงงานเป็นต้นแบบในพื้นที่ ซึ่งมีพื้นที่สะสมปี 2566/67 จำนวน 637,367* ไร่

* เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 จำนวน 8,087 ไร่

กลุ่มมิตรผลมีเกษตรกรคู่สัญญา

รวมทั้งสิน 40,577 ครอบครัว และแรงงานรับจ้างในภาคการเกษตรมากกว่า 18,000 คน

* สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนมากกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเทคโนโลยีสารสนเทศ

  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมระบบ SWI (Soil Water Index) เป็นการวิเคราะห์ความชื้นในดินที่ช่วยติดตามและวางแผนการให้น้ำเสริมในแปลงอ้อยอย่างมีประสิทธิภาพ โดย SWI เป็นดัชนีที่พัฒนาจากข้อมูลดาวเทียมซึ่งสามารถประเมินระดับความชื้นในดินได้อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมพื้นที่อ้อยทั้งหมด การใช้ SWI ช่วยลดความจำเป็นในการพึ่งพาเซนเซอร์วัดความชื้นในดินแบบดั้งเดิม ช่วยให้เกษตรกรสามารถจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม ลดต้นทุนการใช้น้ำเกินความจำเป็น และเพิ่มผลผลิตอ้อยในระยะยาว
  • ส่งเสริมการจัดการไร่อ้อยแบบ Smart Farming ด้วยการประยุกต์ใช้โดรน (Drone) และเฮลิคอปเตอร์เกษตร
    บริษัทสนับสนุนการบริหารจัดการไร่อ้อยแบบ Smart Farming โดยมีการจัดหาผู้รับเหมาโดรน และเฮลิคอปเตอร์เกษตร เพื่อใช้ในการสำรวจแปลงอ้อย ฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืช และฉีดพ่นสารเร่งสุกแก่ อันเป็นการทดแทนการจัดการไร่แบบเดิมที่ใช้รถแทรคเตอร์ โดยการสนับสนุนนี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิต จัดการปริมาณงานต่อวันเพิ่มมากขึ้น ทำงานได้รวดเร็ว และลดการใช้น้ำมันได้อีกด้วย โดยในปี พ.ศ.2566/67 พื้นที่มีการประยุกต์ใช้โดรน (Drone) และเฮลิคอปเตอร์เกษตรแล้วกว่า 57,045 ไร่
  • การประยุกต์ใช้ระบบ GPS Guidance ในกระบวนการปลูกอ้อยและการขนส่ง  
  • การประยุกต์ใช้ Artificial Intelligence/Machine Learning (AI/ML) สำหรับบริหารจัดการไร่อ้อยในโครงการ Farm Focus โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยให้ได้ 20 ตันต่อไร่ โดยพัฒนา AI/ML 4 โมเดลและ 1 Digital Channel เป็นพื้นฐานในการจัดการไรอ้อย ดังนี้
    • โมเดลจำแนกประเภทการใช้พื้นที่ (Land Used Land Cover) โมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ร่วมกับข้อมูลภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อม เพื่อระบุถึงสิ่งปกคลุม หรือใช้ประโยชน์พื้นที่ที่อยู่ ณ ช่วงเวลาของภาพ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับนักส่งเสริมเข้าไปทำการส่งเสริมชาวไร่รายใหม่ ๆ หรือเข้าไปดำเนินการจัดซื้ออ้อยในพื้นที่เป้าหมาย
    • โมเดลติดตามสุขภาพพืช (Crop Health Monitoring) โมเดลวิเคราะห์ข้อมูลการสุขภาพของอ้อยโดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ร่วมกับข้อมูลภาคสนาม เพื่อตรวจวัดสุขภาพของอ้อยตลอดฤดูกาล ตรวจหาความผิดปกติของไร่อ้อย แยกตามประเภทอ้อยปลูก อ้อยตอ ว่ามีการเติบโตปกติหรือไม่ ก่อนนำไปสร้างการแนะนำในการเข้าไปบริหารจัดการไร่ให้ทันเวลา
    • โมเดลคาดการณ์ผลผลิตอ้อย (Yield Estimation) โมเดลการวิเคราะห์คาดการณ์ผลผลิตอ้อย ณ วันเก็บเกี่ยวในฤดูกาลผลิต โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Sentinel-2 ร่วมกับข้อมูลภาคสนาม ผลผลิตเกิดจริงย้อนหลังมากกว่า 3 ปี เพื่อคาดการณ์แต่ละแปลงอ้อยว่าจะมีผลผลิตปริมาณเท่าใด สำหรับนำไปใช้ร่วมกับโมเดลติดตามสุขภาพพืช ในการสร้างการแนะนำการบริหารจัดการไร่ให้เกิดการเพิ่มผลผลิตในไร่ต่อไป
    • โมเดลติดตามการเก็บเกี่ยว (Harvest Monitoring) โมเดลสำหรับการติดตามการเก็บเกี่ยวของแปลงอ้อยลงทะเบียนของกลุ่มมิตรผลแบบรายแปลง โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Sentinel-1 และ Sentinel-2 ปัจจุบันสามารถมีความถี่ในการติดตามการตัดอ้อยได้ระหว่าง 3-5 วัน และมีความสามารถในการมองทะลุผ่านเมฆได้ 
    • ระบบให้คำแนะนำในการบริหารจัดการไร่ (Farm Advisor) เป็นการประยุกต์ใช้ AI/ML ทั้ง 4 โมเดลมาทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการบูรณาการการบริหารจัดการไร่แบบครบวงจรตั้งแต่ การมีพื้นที่ใหม่ ๆ การติดตามการเติบโต การประเมินผลผลิต ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต และส่งคำแนะนำในการบริหารจัดการไร่ให้กับนักส่งเสริมผ่านเครื่องมือ GGIS by OneAgri ที่จะเป็นเครื่องมือหรือ Productivity Tools ของนักส่งเสริมของกลุ่มมิตรผล
  • การสร้างฐานข้อมูลของชาวไร่ด้วยระบบฐานข้อมูล Cane MIS ระบบ Cane MIS (Cane Management Information System) เป็นระบบที่ช่วยส่งเสริมการซื้อขายอ้อยระหว่างกลุ่มมิตรผลและเกษตรกรให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน ดังนี้
    • ข้อมูลเชิงพื้นที่จากระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการงานด้านการจ่าย ส่งเสริม และการรับซื้ออ้อยชาวไร่อย่างมีหลักเกณฑ์
    • ข้อมูลสัญญาหรือเงื่อนไขการซื้อ-ขาย รวมถึงคุณภาพของอ้อยในกลุ่มเกษตรกรที่เป็นเกษตรกรคู่สัญญา (Contract farming) 
    • ข้อมูลการซื้อขายบริการอื่นๆ เช่น การซื้อบริการด้านการเกษตรและโลจิสติกส์ (เช่น การเช่าอุปกรณ์) 
    • ข้อมูลด้านการเงินของชาวไร่ ได้แก่ การหักเงิน เงินกู้ และการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านการชำระเงินและกระบวนการทางการเงิน เพื่อออกใบแจ้งยอดที่เป็นเอกสารให้กับเกษตรกร
  • การวางแผนการทำไร่ ด้วยแอพพลิเคชั่น Farm Pro 360 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนการทำไร่ การบริหารทรัพยากรในไร่ ได้แก่ สารเคมี ต้นทุนแรงงาน เครื่องจักร ฯลฯ ให้เหมาะสมกับการปลูกอ้อยและมีต้นทุนที่เหมาะสม โดยการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและประมวลผลเพื่อใช้ในการวางแผนการดำเนินงานตลอดวงจรชีวิตของอ้อย อาทิ การใช้ใบสั่งผลิต (Crop assignment) เพื่อกำหนดกิจกรรมในฟาร์ม การคิดต้นทุนตามกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในไร่ และการพิจารณาความพร้อมใช้งานของเครื่องจักร แรงงาน และวัสดุสิ้นเปลือง เป็นต้น โดยข้อมูลที่ได้จากระบบนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการติดตามการปฏิบัติตามมาตรฐาน Bonsucro และใช้เป็นฐานข้อมูลของการวิเคราะห์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของมิตรผล
  • การทำสัญญาอ้อยแบบดิจิทัล (Digital Cane Contracting) เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการกับการทำสัญญาซื้อขายอ้อยระหว่างบริษัทและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสในการทำธุรกรรมทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลที่ดีขึ้นด้วยการใช้ระบบดิจิทัล สามารถทำสัญญาและติดตามข้อมูลการซื้อขายอ้อยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการทำงานด้วยกระบวนการทางด้านเอกสารที่ใช้กระดาษ นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมเพิ่มเติมให้ด้วย อาทิ สินเชื่อเพื่อการเกษตร คำแนะนำเชิงวิชาการด้านการเกษตรกรรมแม่นยำ และระบบการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการฟาร์มอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น
  • การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมร่วมกับดัชนีความแตกต่างพืชพรรณ (Normalized Difference Vegetation Index – NDVI) เป็นการนำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมและผลการสำรวจดัชนีความแตกต่างพืชพรรณ มาวิเคราะห์ความสมบูรณ์และการเจริญเติบโตของแปลงอ้อย ช่วยให้บริษัทสามารถแยกพื้นที่ที่อ้อยเติบโตสมบูรณ์และที่ไม่สมบูรณ์ออกจากกันได้ วิธีการนี้ช่วยสนับสนุนการทำงานของพนักงานส่งเสริมชาวไร่ได้ในการแนะนำการจัดการไร่อ้อยตามช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้อ้อยได้รับน้ำและสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
  • การให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด (Drip Fertigation) เป็นการใส่ปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ร่วมกับระบบการให้น้ำเดิมที่มีอยู่ในแปลงอยู่แล้ว ด้วยวิธีการนี้จะช่วยลดปัญหาปุ๋ยเม็ดไม่ละลาย เนื่องจากฝนไม่ตกหรือขาดการให้น้ำในแปลง กล่าวคือ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้ปุ๋ยได้ถึงร้อยละ 80-90 จากเดิมที่ใช้ปุ๋ยแบบเม็ดซึ่งมีประสิทธิภาพการให้ปุ๋ยอยู่ที่ร้อยละ 20-50 เท่านั้น ทำให้อ้อยสามารถได้รับธาตุอาหารอย่างทั่วถึง เจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งแปลง และช่วยลดการสูญเสียธาตุอาหารจากการชะล้าง

การส่งเสริมความรู้พนักงานผ่าน Mitr Phol ModernFarm Academy

Mitr Phol ModernFarm Academy เป็นสถาบันการเรียนรู้เพื่อการเกษตรสมัยใหม่ที่มุ่งยกระดับความรู้ของพนักงานให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถที่เปรียบเสมือนเกษตรกรมืออาชีพที่มีความรู้ทั้งในด้านวิชาการและการลงมือปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการปลูกอ้อยและพืชอื่นด้วยระบบเกษตรสมัยใหม่ตามแนวคิด มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม (Mitr Phol Modern Farm) ตั้งแต่การเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา และการเก็บเกี่ยว พร้อมทั้งสามารถส่งต่อองค์ความรู้ดังกล่าวให้กับชาวไร่ เพื่อให้สามารถสร้างผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยในปี พ.ศ. 2567 Mitr Phol ModernFarm Academy ได้จัดอบรมให้แก่พนักงาน 89 คน และ Smart Farmer 95 คน และมีเป้าหมายที่จะอบรมให้ความรู้แก่พนักงานเพิ่มอีก 100 คน และ Smart Farmer อีกจำนวน 230 คน ภายในปี พ.ศ. 2568

การผลิตอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล

มิตรผลมุ่งมั่นในการพัฒนาการกระบวนการผลิตน้ำตาลอยู่เสมอ จึงได้สนับสนุนเกษตรกรให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน Bonsucro ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืนในระดับสากล โดยมาตรฐานดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถตรวจสอบย้อนกลับวัตถุดิบได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 มิตรผลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายแรกในประเทศไทย และรายที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว ด้วยความมุ่งหวังที่จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในด้านความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการแรงงานอย่างเป็นธรรมและดูแลรักษาสภาพแวดล้อมอย่างดีตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการยึดถือปฏิบัติตามหลักการสำคัญของมาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานในการผลิตอ้อยและน้ำตาล ต่อไปนี้

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2567 มิตรผลยังได้ที่แผนที่จะเริ่มต้นขยายขอบเขตการรับรองไปสู่ VIVE Program ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์อย่างต่อเนื่องแบบสมัครใจ ที่กำหนดเป้าหมายและติดตามผลการพัฒนา เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องตามกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กลุ่มมิตรผลตั้งเป้าจะขยายการรับรองการผลิตอ้อยอย่างยั่งยืน ให้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 600,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ.2573

การดำเนินงานเกี่ยวกับการตัดอ้อยสดและการรับซื้อใบอ้อยสด

นับเป็นปีที่ 7 ที่มิตรผลยังคงดำเนินการรับซื้อใบอ้อยตัดสดจากเกษตรกร อันเป็นการส่งเสริมการตัดอ้อยสดและนำใบอ้อยไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าชีวมวล โดยในปี พ.ศ.2566/67 บริษัทได้ดำเนินการรณรงค์การตัดอ้อยสดผ่านกิจกรรม “กลุ่มมิตรผลสนับสนุนตัดอ้อยสด” ด้วยความมุ่งหวังที่จะลดผลกระทบจากการเผาอ้อยทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และโรงงานน้ำตาล บริษัทจึงกำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการเก็บเกี่ยวอ้อยสดเข้าสู่โรงงานดังนี้

  • ส่งเสริมและพัฒนาชาวไร่ตั้งแต่กระบวนการเตรียมแปลงรองรับเครื่องจักรกลเกษตร เพื่อทดแทนแรงงานคน
  • ส่งเสริมชาวไร่รวมกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ในการตัดอ้อยสด ดังนี้
    • กำหนดให้หน่วยงาน-ของบริษัทตัดอ้อยแก่ชาวไร่ที่ขาดแคลนแรงงาน
    • ส่งเสริมชาวไร่รายขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและรวมกลุ่มชาวไร่ประจำกลุ่มตัดอ้อย
    • จัดหาผู้รับเหมารถตัด รับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่ จำนวน 20 คัน
    • ช่วยค้ำประกันแก่ชาวไร่ในการขอเข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับชาวไร่อ้อย เพื่อใช้ในการบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ในปี พ.ศ.2565–พ.ศ.2567 เพื่อส่งเสริมให้ชาวไร่สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของภาครัฐและนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
  • ส่งเสริมชาวไร่ใช้เครื่องสางใบอ้อยก่อนตัดอ้อย ด้วยการสนับสนุนเครื่องสางใบอ้อย
  • มีนโยบายรับซื้อใบอ้อยสดเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าชีวมวลในราคาตันละ 900 บาท
  • การสื่อสารกิจกรรมตัดอ้อยสดผ่านรูแปบบและหลายหลายช่องทาง เช่น ใช้สติกเกอร์ข้อความที่เชิญชวนด้วยคำคมและ
    สไตล์ที่โดดเด่น สะดุดตา เป็นต้น
  • การสนับสนุนเกษตรกรในการเข้าร่วมประกวดตกแต่งท้ายรถบรรทุก ภายใต้ธีม “สู้สุดใจไปด้วยกัน ตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM2.5” ที่จัดโดย 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย (Thai Sugar Millers Corporation – TSMC)

ในปี พ.ศ.2566/67 กลุ่มมิตรผลสามารถรับซื้อปริมาณอ้อยสดที่เข้าโรงงานทั้งหมด 12,615,153 ตัน
หรือคิดเป็นร้อยละ 70.70 ของปริมาณอ้อยทั้งหมดที่เข้าหีบโรงงาน

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการรับซื้อใบอ้อยสดจำนวน 578,528 ตัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการขายใบอ้อยสดกว่า 611.55 ล้านบาท

การบริหารจัดการน้ำในไร่

น้ำเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่าสำหรับภาคการเกษตร เพราะนำมาซึ่งผลผลิตที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่ผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น อันเนื่องมาจากปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งได้ทวีความรุนแรงของการเกิดเอลนีโญและลานีญาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นนั้น อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตอ้อยและรายได้ของธุรกิจเกี่ยวกับอ้อยในที่สุด ดังนั้นการบริหารจัดการแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้มิตรผลได้มีการดำเนินโครงการด้านชลประทานอย่างหลากหลาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการผลิตอ้อย ผ่านการส่งเสริมการสร้างแหล่งน้ำในไร่อ้อยและการส่งเสริมการให้น้ำเสริมฝนเพื่อเพิ่มผลผลิต เพื่อให้การดำเนินกิจการของบริษัทไม่ส่งผลกระทบหรือส่งผลกระทบให้น้อยที่สุดต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง

การส่งเสริมการสร้างแหล่งน้ำในไร่อ้อย

วัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการสร้างแหล่งน้ำในไร่อ้อยนั้น คือเพื่อจัดหาปริมาณน้ำเสริมที่ได้มาจากฝนตามความต้องการน้ำของอ้อย 1,500–1,700 มิลลิเมตรต่อปี และเพื่อลดผลกระทบที่ไร่อ้อยอาจจะได้รับอันเนื่องมาจากสภาวะแล้ง โดยการส่งเสริมการสร้างแหล่งน้ำในไร่อ้อยนี้มิตรผลได้มีเป้าหมายและผลการดำเนินงาน ดังนี้
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
พื้นที่ชลประทานที่ได้รับการส่งเสริมในเรื่องชลประทาน ในปี พ.ศ.2566/67
จำนวน 185,950 ไร่
จำนวน 203,168 ไร่
ภายในปี พ.ศ. 2567 มีพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาในด้านชลประทานสะสม
จำนวน 1,125,600 ไร่
จำนวน 1,129,951 ไร่

โดยในปี พ.ศ.2567 บริษัทบรรลุเป้าหมายพื้นที่ชลประทานสะสมที่ตั้งไว้ โดยการมีพื้นที่ชลประทานสะสม 1,129,951 ไร่ เกินกว่าเป้าหมายถึง 4,321 ไร่ ซึ่งสามารถแบ่งตามประเภทของชลประทาน ดังนี้

การส่งเสริมการให้น้ำเสริมฝนเพื่อเพิ่มผลผลิต

วัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการให้น้ำเสริมฝนเพื่อเพิ่มผลผลิตของอ้อยที่ปลูกใหม่ 18-20 ไร่ และอ้อยตอประมาณ 12-15 ไร่ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการให้น้ำไม่น้อยกว่า 80% เพื่อให้อ้อยได้รับน้ำที่เพียงพอและทันต่อความต้องการ โดยเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ บริษัทจึงได้มีแนวทางในการส่งเสริม อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการให้น้ำด้วยการส่งเสริมการใช้ระบบน้ำหยดในไร่ การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ การพัฒนาบ่อและสระเติมน้ำใต้ดิน นอกจากนี้ยังส่งเสริมด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ อาทิ ระบบวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของพืชในแปลงเพาะปลูก (Crop Health Monitoring) รวมถึง ระบบ Internet of Things และ Geographic Information System (IOT and GIS) โดยสามารถอ่านรายละเอียดของแนวทางการส่งเสริมการให้น้ำเสริมฝนเพื่อผลผลิตเพิ่มเติมได้จาก รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 

โครงการมิตรผลโอเอซิส (Mitr Phol Oasis)

มิตรผลได้พัฒนาและสร้างอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อการ เกษตร ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก โดยมีความจุกว่า 1 ล้าน ลบ.ม. สำหรับกักเก็บน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อแบ่งปันให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในฤดูแล้ง โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะภัยแล้งและบรรเทาวิกฤติอุทกภัยในช่วงที่มีปริมาณฝนตกชุก

การร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก

โครงการชลประทานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ

มิตรผลดำเนินการสนับสนุนโครงการชลประทานจากกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกระทรวงพลังงาน ปีละไม่น้อยกว่า 20,000 ไร่ ผ่านการรวบรวมความต้องการจากเกษตรกรในพื้นที่ การจัดประชุม การจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ และการเขียนขอสนับสนุนโครงการ ผ่านองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำเข้าพิจารณาของคณะอนุกรรมการน้ำจังหวัด และนำเข้าแผนพัฒนาพื้นที่ชลประทานของประเทศต่อไป ซึ่งในปี พ.ศ.2567 มีโครงการขอสนับสนุนดังต่อไปนี้

โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก

มิตรผลสนับสนุนนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมนโยบายและหลักเกณฑ์ โดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นพัฒนาโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยในปี พ.ศ. 2567 มิตรผลได้ดำเนินการขอรับการส่งเสริมดังนี้

Mitr Phol Group Sustainability
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.