Mitr Phol Group Sustainability

Edit Template

ผู้มีส่วนได้เสีย : ผู้ถือหุ้น เกษตรกร ลูกค้าและผู้บริโภค ภาครัฐและองค์กรภาคประชาสังคม

มิตรผลตระหนักดีถึงบทบาทหน้าที่ที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนและสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ ตลอดจนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทมียุทธศาสตร์การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกำหนดเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) สอดรับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดผลกระทบของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของนานาประเทศ ผ่านแผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างครอบคลุมในทุกองค์ประกอบตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้ สามารถนำความรู้และเครื่องมือไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง

เส้นทางเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Pathway)

พ.ศ. 2565 (ปีฐาน)
พ.ศ. 2573
พ.ศ. 2593
เป้าหมาย
จัดทำฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 2 และ 3
ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจาก
  • ขอบเขตที่ 1 และ 2 ลดลงร้อยละ 42 จากปีฐาน
  • ขอบเขตที่ 3 ลดลงร้อยละ 25 จากปีฐาน
  • ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากขอบเขตที่ 1 2 และ 3 ลงร้อยละ 90 จากปีฐาน

    แนวทางการบริหารจัดการ

    มิตรผลมีการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อตอบสนองทิศทางและเป้าหมายที่คณะกรรมการกำหนด ดังนี้

    การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร

    ในปี พ.ศ.2566 บริษัทประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของกลุ่ม ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ. 2030) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ.2593 ซึ่งประกอบด้วยการจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) (ค.ศ. 2050) ครอบคลุมขอบเขตที่ 1 2 และ 3 ของทั้ง 7 กลุ่มธุรกิจ และการทวนสอบข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก โดยมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของปี พ.ศ.2566 แยกตามขอบเขต ดังนี้

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขตที่ 3 ประเภทที่ 2 สินค้าประเภททุน ไม่สามารถหาค่า emission factor จากผู้ขายได้ จึงไม่สามารถคำนวณได้

    การพัฒนาแพลตฟอร์มจัดเก็บและคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    ด้านบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืนร่วมกับด้าน Digital Transformation ได้ร่วมกันออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทในเครือ และระบบประเมินปริมาณการปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้หน่วยงานในธุรกิจต่างๆ ได้มีเครื่องมือไปใช้ในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร และนำผลที่ได้ไปหาวิธีลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการจัดเก็บข้อมูลและประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนี้ เป็นไปตามข้อกำหนดในการคำนวณและรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรที่กำหนดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล GHG Protocol และขยายขอบเขตสู่การจัดเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาค Forest, Land and Agriculture Guidance หรือ FLAG อีกด้วย

    ทั้งนี้บริษัทมีแผนพัฒนาให้ฐานข้อมูลของแต่ละบริษัทอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน กล่าวคือ การผนวกรวมบัญชีรายการระหว่างกันของบริษัทในเครือ เข้ากับการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมของมิตรผล เช่น การซื้อขายไฟฟ้าระหว่างธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจโรงไฟฟ้า เป็นต้น

    การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร

    ด้านบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืนจัดทำหลักสูตรการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องในธุรกิจไร่ น้ำตาล พลังงาน ปุ๋ย วัสดุทดแทนไม้ และธุรกิจอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจหลักการคำนวณคร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร สามารถเก็บข้อมูลและประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้ เพื่อรองรับทิศทางการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ขององค์กร ซึ่งเนื้อหาการอบรมครอบคลุมวิธีการเก็บข้อมูลและระบุแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และฝึกปฏิบัติการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกขององค์กร

    เปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    ตามข้อเสนอแนะของกรอบการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) มิตรผลจัดทำรายงานตามข้อเสนอแนะของกรอบของ TCFD ที่ช่วยให้บริษัทสามารถวิเคราะห์ธุรกิจและจัดทำกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ สามารถจัดการความเสี่ยงที่สำคัญและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้ผู้มีส่วนได้เสียมีข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจในการลงทุนและทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งให้ความมั่นใจได้ว่า บริษัทได้คำนึงถึงและจัดการความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศอย่างรอบคอบ

    การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการคาร์บอนต่ำ

    ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

    คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์

    ฉลากที่แสดงว่าตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาปริมาณเท่าไหร่ ตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่งวัตถุดิบกระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน

    ได้รับการรับรองจำนวน
38 ผลิตภัณฑ์
    ในกลุ่มน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ น้ำเชื่อม น้ำเชื่อมอินเวอร์สวีท น้ำเชื่อมซูโครสสวีท น้ำตาลกรวด น้ำตาลกรวดผลึกใส และน้ำตาลเคลือบคาราเมล

    ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

    ฉลากที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

    ได้รับการรับรองจำนวน 
8 ผลิตภัณฑ์
    ในกลุ่มน้ำตาลทรายขาว 
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 
น้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ

    โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย

    เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้องค์กรมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศ และสามารถนำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เรียกว่าคาร์บอนเครดิตไปซื้อขายได้ โดยมิตรผลได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน

    ได้รับการรับรอง จำนวน 9 โครงการ ในประเภทพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานที่ใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลและได้คาร์บอนเครดิต จำนวนประมาณ 900,000 tCO2e/ปี

    ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน

    ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยรับรองสิทธิในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

    ได้รับการรับรอง RECs จำนวนประมาณ 1.3 ล้าน RECs /ปี

    ปุ๋ยสูตรพิเศษ ควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหาร

    ธาตุไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นกับการเจริญเติบโตของอ้อย ทำให้อ้อยต้องการไนโตรเจนในปริมาณที่สูงมาก แต่ธาตุอาหารไนโตรเจนในดินมักมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของอ้อย ทำให้เกษตรกรจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยไนโตรเจนหรือปุ๋ยยูเรียเพิ่ม ซึ่งโดยปกติมักจะถูกสภาพแวดล้อมในพื้นที่ปลูกชะล้างออกไปก่อนที่พืชจะดึงมาใช้ได้หมด ทำให้พืชผลไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีมาใช้ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังส่งผลให้ไนโตรเจนที่ถูกชะล้างออกไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปลูกอ้อยเพื่อลดการสูญเสียดังกล่าวศูนย์นวัตกรรมและวิจัยมิตรผลจึงได้คิดค้นเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย หรือ Controlled Release Fertilizer (CRF) โดยเม็ดปุ๋ยจะค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุไนโตรเจนตามความต้องการของพืช ทำให้อ้อยได้รับธาตุอาหารตลอดระยะเวลาการปลูกอ้อย 270 วัน (9 เดือน) และการให้ปุ๋ย CRF เพียงแค่ครั้งเดียว (50 กิโลกรัม) สามารถเทียบเท่ากับการใส่ปุ๋ยปกติได้ถึง 2 กระสอบ (100 กิโลกรัม) เทคโนโลยีดังกล่าวจึงช่วยลดปัญหาการเติมปุ๋ยเคมีเกินความจำเป็น ลดปัญหาไนโตรเจนถูกชะล้างและลดสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    เอทานอลเพื่อความยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับโลก Bonsucro EU-RED

    มิตรผลต่อยอดมาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลอย่างยั่งยืนระดับโลก Bonsucro ด้วยการยกระดับการผลิตเอทานอลที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ โรงงานเอทานอล ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ จนได้รับการรับรองเป็นผู้ผลิตเอทานอลเพื่อความยั่งยืนด้วยมาตรฐานระดับโลก Bonsucro EU-RED เป็นรายแรกของประเทศไทย และขยายผลความสำเร็จไปยังโรงงานอื่นๆ อีกด้วย ได้แก่ โรงงานเอทานอล กุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงงานเอทานอล ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามิตรผลให้ความสำคัญกับการผลิตเอทานอลคุณภาพตั้งแต่การบริหารจัดการไร่อ้อย กระบวนการผลิตในโรงงาน การจ้างแรงงาน ระบบโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาวะโลกร้อนเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเอทานอลที่มีมาตรฐานความยั่งยืนเป็นวัตถุดิบทางเลือกที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดและเป็นกุญแจสำคัญในการนำมาต่อยอดในอุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ อุตสาหกรรม Bio-PE หรือพลาสติกชีวภาพ และธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ที่มีแนวโน้มความต้องการจากทั่วโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจให้แก่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมของประเทศและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทยให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น

    PlaneX - CaneX บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    มิตรผลดำเนินธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ ที่ผลิตจากวัตถุดิบทางการเกษตร หรือวัตถุดิบธรรมชาติ (Biobased) สำหรับผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร แบบ Injection และ Thermoforming ภายใต้แบรนด์ PlaneX ผลิตจากแป้งมันสำปะหลังและพลาสติกชีวภาพจากน้ำตาล จึงสามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพและบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Compostable Food Packaging) เช่น ช้อน ส้อม มีด จากแป้งมันสำปะหลัง และหลอดจากชานอ้อย ภายใต้แบรนด์ CaneX

    PlaneX ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ
    CaneX บรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพ

    ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าในธุรกิจรขนส่งโลจิสติกส์และซัพพลาย

    บริษัท แฟร์ แอนด์ ฟาสต์ จำกัด หนึ่งในธุรกิจที่ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายของมิตรผล วางเป้าหมายเพิ่มจำนวนรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยในปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทดสอบรถบรรทุกหัวลากขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทดแทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิง สำหรับการใช้ขนถ่ายน้ำตาลกระสอบภายในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี รวมทั้งทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและสมรรถนะของรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมือกับบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ผู้ให้บริการโซลูชั่นพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และบริษัท ไทยอีวี จำกัด ผู้นำเข้า จัดจำหน่าย และบำรุงรักษารถพลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์รายใหญ่ ในการนำรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 350+ กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ โดยการทดลองด้วยรถบรรทุกหัวลากนี้เป็นการเริ่มต้นจากรถขนส่งขนาดใหญ่ในการขนส่งระยะสั้น และจะขยายไปยังรถขนส่งทุกขนาด รวมทั้งการขนส่งระยะไกลขึ้นอย่างการข้ามจังหวัดและข้ามภูมิภาคต่อไป

    ผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    ผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ที่ใช้ไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ำยางได้แล้วมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตวัสดุทดแทนไม้ โดยต้นยางพาราที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ ได้รับการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนภายใต้มาตรฐานสากล Forest Stewardship Council (FSC) ที่ช่วยควบคุมทุกกระบวนการตั้งแต่การปลูกต้นยางพารา กระบวนการผลิต ตลอดจนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า โดยขั้นตอนการปลูกต้นยางพาราจะปลูกในพื้นที่ป่าควบคุมสำหรับใช้เชิงพาณิชย์เท่านั้น ทำให้มั่นใจว่าได้ว่า กระบวนการผลิตวัสดุทดแทนไม้ดังกล่าวไม่เป็นการตัดไม้ทำลายป่าตามธรรมชาติหรือทำลายระบบนิเวศน์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไม้เคลือบเมลามีนยังได้รับการรับรอง Singapore Green Label ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าเป็นสินค้าที่มีองค์ประกอบ กระบวนการผลิต การใช้ ตลอดจนถึงการทิ้งทำลายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่ไม่ได้รับการรับรอง อีกทั้งยังได้รับการรับรอง Greenguard Gold Certified ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองการปล่อยสารเคมีในระดับต่ำ สำหรับวัสดุก่อสร้างอาคาร และ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานการประเมินอาคารเขียว หรือ LEED Certification อีกด้วย

    เอกสารที่เกี่ยวข้อง

    Mitr Phol Group Sustainability
    Privacy Overview

    This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.